พ.ต.อ.กรพัฒน์
หอมหวล ผกก.สภ.บ่อวิน ได้เปิดเผยว่านางสาวเตือนใจ มีรินทร์ อายุ 38 ปี และนายวชิราวุธ รุ่งศิลา อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 238/82bม.3
ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี 2สามีภรรยาที่ถูกโลกโซเชียลถล่มจากกรณีที่เด็กหญิง
อายุ 8 ปี บุตรบุญธรรมสัญชาติกัมพูชาถูกน้ำร้อนลวกครึ่งตัวทำให้ได้รับเจ็บ
และได้หนีออกจากบ้านทำให้ นางสาวชุติมันต์
ไหลเจริญกิจ อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 238/191 ม.3 ต.บ่อวิน ได้พบเห็นจึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ่อวิน
เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยศีลธรรมบ้านบึงจุดบ่อวิน ให้การช่วยเหลือและนำส่งโรงพยาบาลแหลมฉบังเพื่อทำการรักษา
โดยในโลกโซเชียลได้ระบุว่าตนเองเป็นคนทำร้ายเด็กและนำน้ำร้อนลวก
ตนเองและสามีจึงเข้าพบ พ.ต.อ.กรพัฒน์ หอมหวล ผกก.สภ.บ่อวิน เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ
ว่าไม่ได้ทำน้ำร้อนลวกใส่ตามที่สื่อสังคมออนไลน์และสื่อโซเชียลลงโพสต์ต่อว่า ส่วนสาเหตุนั้นตนเองได้บอกน้องนางฟ้าให้เตรียมตัวไปซื้อชุดนักเรียนในช่วงวันที่
20 เม.ย.60
ทำให้น้องฟ้าเกิดไม่พอใจ ประกอบกับตนเองไม่ได้ให้เงินไปซื้อขนม
ทำให้น้องฟ้าเกิดไม่พอใจจึงยกหม้อน้ำร้อนราดใส่ตัวเอง และได้กรีดร้องดังลั่นบ้าน
ตนเองและสามีจึงได้รีบนำตัวส่งโรงพยาบาลแต่ลูกบูญธรรมกลับบอกว่ากูไม่ไป
ซึ่งพยายามช่วยกันที่จะล้างแผลให้ก็ไม่ยอมโดยสาเหตุก็คือไม่อยากไปโรงเรียนประจำและชอบเรียกร้องความสนใจจากครอบครัวและผู้ที่พักอาศัยใกล้เคียงเป็นประจำ โดยมีนายชัยเดชา เริงหาญ อายุ 43 ปี และนางสาวณปภัช อินทวงษ์ อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่
238/81 ม.3 ต.บ่อวิน
ซึ่งเป็นบ้านฝั่งตรงข้าม ได้ยินเสียงร้องของลูกบุญธรรมดังกล่าว
จึงได้เดินทางมาเป็นพยานให้ ส่วนพฤติกรรมของลูกบุญธรรมนั้น
ผู้ที่อาศัยอยู่ในละแวกใกล้เคียงกับบ้านของสองผัวเมียได้ให้ข้อมูลว่าลูกบุญธรรมนั้นมักจะปืนเข้าบ้านคนอื่นและขโมยทรัพย์สิน
อีกทั้งยังชอบโกหกหลอกลวงบ้านใกล้เรือนเคียง
บางครั้งก็ปืนตกกำแพงได้รับบาดเจ็บเอง โดยไม่มีใครทำร้ายลูกบุญธรรมอีกด้วย
ส่วนในด้านการสอบสวน
พ.ต.อ.กรพัฒน์ หอมหวล ผกก.สภ.บ่อวิน ได้สั่งการให้ ร.ต.อ.เรืองสิทธิ์
นาวีรัตนวิทยา รองสารวัตรเวรสอบสวน ให้ประสานงานไปยังนักจิตวิทยาและกระทรวงการพัฒนาสังคมและสวัสดิการมนุษย์
ร่วมสอบปากคำเด็กหญิงชาวกัมพูชาหลังจากรักษาอาการบาดเจ็บให้หายแล้ว
เนื่องจากเด็กหญิงชาวกัมพูชายังไม่บรรลุนิติภาวะ
และหากพบว่าเด็กหญิงชาวกัมพูชาถูกน้ำร้อนลวกจริงจากแม่บุญธรรม เจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายกับแม่บุญธรรม
และหากพบว่า
น้องฟ้านั้นโกหกขึ้นมาก็จะนำตัวส่งกระทรวงการพัฒนาสังคมและสวัสดิการมนุษย์
เพื่อเยียวยารักษาจิตใจให้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติต่อไป
พ.ต.อ.กรพัฒน์
หอมหวล กล่าวต่อว่า ส่วนชาวเน็ตที่ไม่รู้ความจริงในเรื่องที่เกิดขึ้นนี้และทั้งพ่อแม่บุญธรรมของน้องนางฟ้ายังไม่มีความผิดและถูกจับกุมดำเนินคดีและได้นำไปโพสต์หรือแชร์สู่โซเชียลในช่วงนี้
ได้โปรดหยุดการกระทำเช่นนี้ เนื่องจากทำให้คนอื่นได้รับความเสียหาย
พวกท่านอาจจะถูกฟ้องและดำเนินคดีที่ทำให้บุคคลอื่นได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ที่ไม่จริง
และมีโทษฐานความผิด ทาง พรบ.
คอมพิวเตอร์ อาจมีโทษปรับหรือจำคุก หรือมีโทษทั้งจำคุกและปรับอีกด้วย