สวัสดีครับ...พบกับ www.ศรีราชาโพสต์.com โฉมใหม่!! "สร้างสรรค์ ดูแลกัน ทันเหตุการณ์" ***สวัสดีครับ...พบกับ www.ศรีราชาโพสต์.com โฉมใหม่!! "สร้างสรรคฺ์ ดูแลกัน ทันเหตุการณ์" ***ประชาสัมพันธ์ข่าวสารส่งมาได้ที่ kk.udomsuk@gmail.com

‘ลาบิกซ์’ บริษัทในกลุ่มไทยออยล์ จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน และผู้มีส่วนได้เสีย ครั้งที่ 2 ของโครงการผลิตสารตั้งต้นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด (ส่วนขยาย ครั้งที่ 3) ณ ศาลาประชาคมอ่าวอุดม อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี


วันนี้ (27 ต.ค.) นายธานี เกียรติพิพัฒนกุล รองนายกเทศมนตรีนครแหลมฉบัง พร้อมด้วยนายวิโรจน์ มีนะพันธ์  รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ด้านกำกับองค์กรและกิจการสัมพันธ์  บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ร่วมเป็นประธานเปิดประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน และผู้มีส่วนได้เสีย ครั้งที่ 2 ของโครงการผลิตสารตั้งต้นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด (ส่วนขยาย ครั้งที่ 3)  พร้อมด้วย นางสาวจิตนา ชีระชีวิน  ปลัดอำเภอศรีราชา และผู้แทนส่วนราชการ หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น  ผู้นำชุมชน  พี่น้องชุมชน หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมงานครั้งนี้จำนวนมาก 


นายวิโรจน์ มีนะพันธ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ด้านกำกับองค์กรและกิจการสัมพันธ์  บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในนามของบริษัท ลาบิกซ์ กำจัด ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มไทยออยล์ รู้สึกยินดีที่ได้มาเป็นประธานในการจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและผู้มีส่วนได้เสีย ครั้งที่ 2  ต่อร่างข้อเสนอโครงการ รายละเอียดโครงการ ขอบเขตการศึกษา และการประเมินทางเลือกโครงการ โครงการผลิตสารตั้งต้นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด ส่วนขยาย ครั้งที่ 3 

โดย มีโครงการขยายกำลังการผลิตสารตั้งต้นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเพิ่มขึ้นจาก 405 เป็น 440 ตันต่อวัน หรือเพิ่มขึ้น 35 ตันต่อวัน  จาก 147,825 เป็น 160,600 ตันต่อปี  เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตโดยการปรับปรุงอุปกรณ์ส่วนย่อยของหน่วยผลิตเดิมในจุดคอขวด เพื่อให้หน่วยผลิตเดิมสามารถรองรับอัตราการป้อนวัตถุดิบได้มายิ่งขึ้น และทำให้ได้ผลิตภัณฑ์เพิ่มมากขึ้นรวมถึงมีการปรับปรุงสภาวะการผลิตเพื่อให้ได้ผล ผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น แต่ไม่มีการขยายขอบเขตพื้นที่ของโรงงานแต่อย่างใด

เนื่องจากในปัจจุบันสารตั้งต้นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์หลักมีแนวโน้มความต้องการใช้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสามารถนำไปใช้เป็นวัตถุดิบหรือสารตั้งต้นเพื่อผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันได้อย่างหลากหลาย เช่น น้ำยาล้างจาน ผลิตภัณฑ์ผงซักฟอก น้ำยาซักผ้า เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น ซึ่งการปรับปรุงการผลิตดังกล่าวจะส่งผลให้สามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้ 160,600 ตันต่อปี

ทั้งนี้ การขยายกำลังการผลิตดังกล่าวของโครงการเข้าข่ายต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดโครงการ กิจการ หรือการ ดำเนินการซึ่งต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม และหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม พ.ศ.2562

ดังนั้น บริษัทฯ จึงได้มอบหมายให้บริษัท เอ็นไว เวิร์ค จำกัด บริษัทที่ปรึกษาส่วนขยายเพื่อเสนอด้านสิ่งแวดล้อม เป็นผู้จัดทำรายงานโครงการส่วนขยาย เพื่อเสนอต่อสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ก่อนดำเนินงานโครงการต่อไป ทั้งนี้เป็นแนวปฏิบัติที่ไทยออยล์ดำเนินอย่างต่อเนื่อง เกี่ยวกับดำเนิการลงทุนต่างๆ จะดำเนินการควบคู่ไปกับกิจกรรมความรับผิดชอบต่อสังคม ไทยออยล์ให้ความสำคัญต่อการอยู่ร่วมกันกับชุมชน มีการดำเนินกิจกรรมที่จะช่วยลดผลกระทบที่อาจจะส่งผลต่อชุมชน พร้อมกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ชุมชนรอบกลุ่มไทยออยล์  โดยที่ผ่านมาได้มีการเปิดเวที่รับฟังไปแล้วครั้งแรกเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2566  ซึ่งทาง บริษัทที่ปรึกษาได้นำข้อเสนอแนะจากการประชาพิจารณ์ในครั้งนั้นมาปรับปรุงตามที่ชุมชนได้เสนอแนะ และนำมาเสนอในที่ประชุมในครั้งนี้ 

นายอภินันท์   นาชัยเพชร  ผู้ใหญ่หมู่ 4  ชุมชนผาแดง  อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ด้านตัวแทนขุมชนจากหลายพื้นที่รอบกลุ่มไทยออยล์ ส่วนใหญ่กล่าวว่า  การจัดเวทีในครั้งนี้ ถือว่า เป็นที่เรื่องที่ดี  เป็นความรับผิดชอบของทางกลุ่มไทยออยล์  ที่สร้างความมั่นใจให้กับชุมชนรอบโรงกลั่น โดยที่ผ่านมาไทยออยล์ดูแลชุมชนเป็นอย่างดีอยู่แล้ว จึงคาดว่าการขยายการผลิตในครั้งนี้ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่ก็อยากให้ดูแลและวางมาตรการที่เข้มงวดในเรื่องต่างๆให้รัดกุม 

ด้านตัวแทนบริษัทที่ปรึกษาแจ้งว่า สำหรับข้อเสนอแนะต่างๆ ที่ประชาชนนำเสนอ และห่วงกัวลนั้น ทางบริษัทฯ พร้อมรับเพื่อนำไปวางมาตรการดูแลป้องกันตามข้อเสนอแนะดังกล่าวที่ได้ไปในวันนี้






paitoon Banner2 ท่าเรือLCB ไทยออยล์ ปตท. แปซิฟิค