วิทยาลัยพาณิชยศาสตร์ ม.บูรพา ร่วมสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) จัดอบรมให้ความรู้ผู้ประกอบการ SMEs ด้านการพัฒนาธุรกิจด้วยระบบบัญชีเดียว ช่วยผู้ประกอบการอยู่รอดจากพิษโควิด-19
วันนี้ (18 ส.ค.63) วิทยาลัยพาณิชยศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา ได้ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) จัดโครงการส่งเสริมและพัฒนา SME ด้วยระบบบัญชีเดียว เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการ SMEs ในพื้นที่ภาคตะวันออก ให้มีความรู้ความเข้าใจด้านบัญชีและสามารถนำเทคโนโลยีทางบัญชีออกรายงานทางบัญชีที่ถูกต้องครบถ้วน สำหรับใช้ในการวางแผนและสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการ SMEs หลังพบว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จนทำให้ต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินธุรกิจเพื่อให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนไปของสังคม
สำหรับโครงการดังกล่าวจัดขึ้นที่ห้องประชุม ศูนย์ศึกษายุทธศาสตร์กองทัพไทย เฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จ.ชลบุรี โดยมี ผศ.ดร.ระพีพร ศรีจำปา คณบดีวิทยาลัยพาณิชยศาสตร์ เป็นประธานเปิดกิจกรรม
ผศ.ดร.ระพีพร เผยว่าโครงการดังกล่าวฯ ยังเป็นการสร้างความรับรู้เรื่องการใช้ระบบบัญชีเดียวให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs รวมทั้งเรียนรู้วิธีการที่จะนำข้อมูลทางบัญชีมาคำนวณภาษีรวมถึงการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีได้อย่างถูกต้อง ซึ่งมหาวิทยาลัยบูรพา ได้มอบหมายให้วิทยาลัยพาณิชยศาสตร์ ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) จัดการอบรมผู้ประกอบการในพื้นที่ต่าง ๆ ทั้งในภาคกลางและภาคตะวันออก
โดยแบ่งการอบรมเป็น 2 หลักสูตรคือ หลักสูตรเทคนิคการสร้างสรรค์ระบบบัญชีเดียวเพื่อความยั่งยืนของผู้ประกอบการเนื้อหาครอบคลุม,เทคนิคกระบวนการการจัดทำบัญชีเดียว ด้วยความรู้ทางด้านการบัญชีการดำเนินธุรกิจด้วยประโยชน์สูงสุดจากการวางแผนภาษีการใช้เทคโนโลยีในการจัดทำบัญชีเพื่อประโยชน์ในการวิเคราะห์ข้อมูลและวินิจฉัยธุรกิจเบื้องต้น
และหลักสูตรนวัตกรรมนโยบายแผนธุรกิจเพื่อขอรับการสนับสนุนสินเชื่อจากสถาบันการเงินเนื้อหาคลอบคลุมนวัตกรรมนโยบายแผนธุรกิจนวัตกรรมแผนการตลาดแผนการผลิตแผนการจัดการทรัพยากรมนุษย์และนวัตกรรมแผนการเงิน เพื่อประกอบการยื่นขอสินเชื่อกับสถาบันการเงินที่ให้ความร่วมมือกับโครงการธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย
ผศ.ดร.ระพีพร ยังเผยอีกว่าการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ผู้ประกอบการ SMEs ในพื้นที่ จ.ชลบุรี มีการปรับตัวเพื่อความอยู่รอดเพิ่มมากขึ้น ทั้งในเรื่องชะลอการลงทุน ลดขนาดลงทุน และปรับรูปแบบดำเนินการ อาทิจากธุรกิจบริการ สู่ธุรกิจการผลิต โดยไม่มีขอบจำกัดในการทำธุรกิจแบบเดิมๆ เพื่อให้อยู่รอดได้
และสิ่งที่สำคัญคือขณะนี้หลายกิจการอยู่ในภาวะหนี้ และภาวะเตรียมพร้อมล้มละลาย แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นชัดคือทุกภาคธุรกิจมีการวิ่งเข้าหาหน่วยงานราชการเพื่อขอรับความช่วยเหลือ ซึ่งกิจกรรมที่จัดขึ้นในครั้งนี้เชื่อว่าน่าจะเป็นแนวทางในการช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถหาวิธีเข้าถึงแหล่งเงินทุนมากขึ้น โดยเฉพาะการจัดทำบัญชีที่ถูกต้อง