ชลบุรีจัดงานพิธีวางพวงมาลา
ถวายราชสักการะวันคล้ายวันสวรรคต สมเด็จพระนเรศวรมหาราช โดยมีนายภัครธรณ์ เทียนไชย
ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เป็นประธาน ณ ลานพระบรมราชานุสาวรีย์
สมเด็จพระนเรศวรมหาราช กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ฯ อำเภอเมือง
จังหวัดเมืองชลบุรี
ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่
29 พฤศจิกายน 2548 กำหนดให้วันสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเป็นวันรัฐพิธีและให้วันที่ 18
มกราคมของทุกปีเป็นวันยุทธหัตถี แทนวันที่ 25 มกราคม
โดยมีการวางพานพุ่มถวายราชสักการะ และให้วันที่ 25
เมษายนของทุกปีเป็นวันคล้ายวันสวรรคต สมเด็จพระนเรศวรมหาราช แทนวันขึ้น 8 ค่ำ
เดือน 6 โดยให้มีการวางพวงมาลาถวายราชสักการะ
สำหรับจังหวัดชลบุรี
นายภัครธรณ์ เทียนไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี นำคณะข้าราชการ ทหาร ตำรวจ ศาล
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และพ่อค้าประชาชนทุกหมู่เหล่า
ประกอบพิธีวางพวงมาลาถวายราชสักระวันคล้ายวันสวรรคต สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
แม้พระองค์ได้เสด็จสวรรคตมานานกว่า 414 ปีแล้วก็ตาม
พสกนิกรไทยทั้งมวลต่างสำนึกในพรมหากรุณาธิคุณ และพระเกียรติคุณของพระองค์ท่าน
ที่ทรงพระปรีชาสามารถ กล้าหาญเด็ดเดี่ยว ขับไล่อริราชศัตรูตลอดพระชนม์ชีพ
เพื่อสร้างความเป็นเอกราชให้แก่ชาติไทย และเป็นวีรกรรม
ที่เลื่องลือปรากฏอยู่ในประวัติศาสตร์ตารบจนทุกวันนี้
สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
ทรงพระราชสมภพ ณ พระราชวังจันทร์ เมื่อปีพุทธศักราช 2098 พระองค์ทรงเป็นวีรกษัตริย์ที่ทรงพระปรีชาสามารถอย่างล้ำเลิศ
มีพระอัจฉริยภาพ และฝีพระหัตถ์ในทางการรบ และเชี่ยวชาญในอาวุธทุกชนิด
ทรงตรากตรำพระวรกายในการทำศึกสงคราม ตลอดพระชนม์ชีพขับไล่กองทัพพระยาจีนจันตุ
จนแตกพ่ายไป ในปีพุทธศักราช 2124 ทรงแสดงแสนยานุภาพในการยกกองทัพเข้าตีเมืองคัง
ที่ตั้งอยู่บนเขาสูง และได้รับชัยชนะอย่างง่ายดาย จนถึงปีพุทธศักราช 2127
สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงประกาศอิสรภาพที่เมืองแครง
ว่าตั้งแต่วันนี้กรุงศรีอยุธยาขาดทางไมตรีกับกรุงหงสาวดี
มิได้เป็นมิตรกันดังแต่ก่อนต่อไป
ในปีพุทธศักราช
2127 สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงประกาอิสรภาพที่เมืองแครงว่า “ตั้งแต่วันนี้กรุงศรีอยุธยาขาดทางไมตรีกับกรุงหงสาวดี
มิได้เป็นมิตรกันดังแต่ก่อนต่อไป” การกระทำเช่นนี้ถือได้ว่าเป็นการประกาศอิสรภาพของไทย
หลังจากประกาศอิสรภาพแล้วก็ได้กรีฑาทัพเข้าสู่ชานเมืองหงสาวดี
และรวบรวมคนไทยกลับมาได้
อีกทั้งยังสามารถใช้พระแสงปีนยาวยิงข้ามแม่น้ำสะโตงถูกแม่ทัพของพม่าที่ติดตามมาซึ่งนั่งอยู่บนคอช้างจนเสียชีวิต
ทำให้ทัพพม่าถอยกลับไป และพระแสงปืนที่ทรงใช้ในวันนั้นได้ปรากฏนามว่า “พระแสงปืนต้นข้ามแม่น้ำสะโตง” ซึ่งถือว่าเป็นอาวุธที่จัดอยู่ในพระแสงอัษฏาวุธอันเป็นเครื่องราชูปโภคสำหรับพระมหากษัตริย์สืบมาจนบัดนี้
สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
ทรงกระทำสงครามยุทธหัตถีที่เกียงไกลไปทั่วปฐพี คือในวันที่ 18 มกราคม ปีพุทธศักราช
2135 สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
ทรงกระทำสงครามยุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชาจนได้รับชัยชนะทำให้พระบรมเดชานุภาพแผ่ไพศาลไปทั่วปฐพี
ในปีพุทธศักราช 2148 พระเจ้าอังวะมีอำนาจขึ้น
กำลังขยายอาณาเขตเข้ามาทางแคว้นไทยใหญ่ สมเด็จพระนเรศวรยกทัพไปยังเมืองห้างหลวง
และประชวรหนักจนเสด็จสวรรคต เมื่อเดือน 6 ขึ้น 8 ค่ำ ปีมะเส็ง พุทธศักราช 2148
พระชนมายุ 50 พรรษา อยู่ในราชสมบัติ 15 ปี
จนทำให้พสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่าต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
และพระเกียรติคุณของพระองค์ท่านตลอดไป