สวัสดีครับ...พบกับ www.ศรีราชาโพสต์.com โฉมใหม่!! "สร้างสรรค์ ดูแลกัน ทันเหตุการณ์" ***สวัสดีครับ...พบกับ www.ศรีราชาโพสต์.com โฉมใหม่!! "สร้างสรรคฺ์ ดูแลกัน ทันเหตุการณ์" ***ประชาสัมพันธ์ข่าวสารส่งมาได้ที่ kk.udomsuk@gmail.com

เครือ รพ. พญาไท-เปาโล รุกตลาด EEC เปิดโรงพยาบาลใหม่ รพ. พญาไทศรีราชา 2 พร้อมนำไทยสู่แถวหน้าด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ

 

เครือโรงพยาบาลพญาไท-เปาโล เดินหน้าขยายการให้บริการด้านการแพทย์ในพื้นที่ภาคตะวันออก ล่าสุดประกาศเปิดตัวอย่างเป็นทางการ โรงพยาบาลพญาไทศรีราชา 2 สอดรับกับนโยบายภาครัฐ ที่ต้องการผลักดันให้ประเทศไทยโดยเฉพาะเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เป็นศูนย์กลางการแพทย์ครบวงจรของภูมิภาคอาเซียน

วันนี้ (19 มี.ค.) นายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชจังหวัดชลบุรี เป็นประธานในพิธีเปิดโรงพยาบาลพญาไทศรีราชา 2  พร้อมด้วย นายอัฐ ทองแตง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเครือโรงพยาบาลพญาไท-เปาโล นายแพทย์ชาญชัย ลี้สมประสงค์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพญาไทศรีราชา พญ. ปรมาภรณ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทกรุงเทพดุสิตเวชการ (จำกัด) มหาชน นายนพรัตน์ ศรีพรหม นายอำเภอศรีราชา พร้อมด้วยหน่วยงานราชการ และองค์การปกครองท้องถิ่น พร้อมด้วยแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วมงาน 

โดยนายอัฐ ทองแตง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเครือโรงพยาบาลพญาไท-เปาโล เปิดเผยว่า “โรงพยาบาลพญาไทศรีราชา เป็นโรงพยาบาลที่ทางกลุ่มมุ่งมั่นพัฒนาศักยภาพการให้บริการรักษาผู้ป่วยมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยเล็งเห็นว่าทุกขั้นตอนการรักษามีความสำคัญ อีกทั้งความพร้อมของทีมแพทย์เฉพาะทางที่มากประสบการณ์และเทคโนโลยีที่ทันสมัย จะเพิ่มโอกาสให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาที่มีประสิทธิภาพและความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น”

การพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์เป็นสำคัญของโรงพยาบาล โดยเครือโรงพยาบาลพญาไท-เปาโล ได้สรรหาบุคลากรทางการแพทย์สาขาต่างๆ และมอบทุนการศึกษาต่อสำหรับแพทย์และพยาบาล รวมถึงจัดระบบการเรียนการสอนพิเศษสำหรับทีมสหสาขาวิชาชีพ เช่น พยาบาล นักวิทยาศาสตร์ เภสัชกร และนักเทคนิคการแพทย์ เพื่อเพิ่มความชำนาญในการรักษาโรคเพื่อให้บริการประชาชนในพื้นที่ได้อย่างครอบคลุม โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไปรักษาในกรุงเทพฯ 

การนำแอปพลิเคชัน Health Up เข้ามาใช้ ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้ง่ายจบในคลิกเดียวบนมือถือ เช่น ดูประวัติการรักษา นัดหมายแพทย์ ข้อมูลความรู้สุขภาพ รวมถึงบริการ Telecare ซึ่งสอดคล้องกับวิถีชีวิตของคนยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเขต EEC มีประชากรหลั่งไหลเข้ามาอยู่ในพื้นที่กว่าสี่แสนคน และมี lifestyle ของคนยุคใหม่

นายอัฐเผยว่า โรงพยาบาลพญาไทศรีราชา เปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2538 และเริ่มเปิดให้บริการประกันสังคมครั้งแรกเมื่อปี 2542 โดยเน้นคุณภาพและมาตรฐาน ทำให้เพิ่มยอดผู้ประกันตนได้มากถึง 250,000 คน และได้รับรางวัลโรงพยาบาลประกันสังคมในดวงใจในปีที่ผ่านมา ต่อมาปีนี้ได้รับโควต้าเพิ่มอีก 115,000 คน เมื่อพิจารณาถึงความต้องการที่เพิ่มเติมของผู้รับบริการ จึงมีการขยายโรงพยาบาลเพื่อรองรับเหล่านี้ ในเขต EEC ที่มีการพัฒนาอุตสาหกรรมและธุรกิจต่อเนื่อง ความต้องการในการดูแลสุขภาพก็สูงขึ้น เพื่อรองรับผู้ทำงานและกลุ่มแรงงาน ดังนั้น เครือ รพ. พญาไท-เปาโล ได้ลงทุนในการขยายโรงพยาบาลในจังหวัดชลบุรี เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนในเขต EEC โดยการเปิดตัวโรงพยาบาลใหม่ รพ. พญาไทศรีราชา 2 เพื่อลดความแออัดในโรงพยาบาลเดิมและมีความตั้งใจที่จะพัฒนา รพ. พญาไทศรีราชา 2 ให้เป็นศูนย์แห่งความเป็นเลิศทางการแพทย์ในอนาคต ในปี 2568 เครือ รพ. พญาไท-เปาโล ยังวางแผนลงทุนในการเปิดดำเนินการโรงพยาบาลอีกแห่งหนึ่งในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมบ่อวิน จำนวน 225 เตียง เพื่อเป็นที่พึ่งพาทางด้านสุขภาพของชาวชลบุรีและบริเวณใกล้เคียงในอนาคต 

“นับเป็นความภาคภูมิใจของเครือ รพ. พญาไท-เปาโล ที่สามารถขยายบริการและสนองความต้องการของประชาชนได้ทุกกลุ่ม โดยเน้นการให้บริการสุขภาพที่มีคุณภาพสูงสุด โรงพยาบาลพญาไทศรีราชา 2 จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งเสริมการพัฒนาพื้นที่เขต EEC ให้มีความยั่งยืนต่อไป ด้วยการให้บริการที่ตอบสนองความต้องการของประชาชน โดยตั้งเป้าหมายในการนำเสนอประสบการณ์การรักษาที่มีคุณภาพและเทคโนโลยีที่ทันสมัย และมุ่งเน้นการพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการและบริการด้านการแพทย์ที่มีคุณภาพแก่ผู้รับบริการได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ” นายอัฐ กล่าว 

ด้านนายแพทย์ชาญชัย ลี้สมประสงค์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพญาไทศรีราชา ได้ให้ข้อมูลว่า โรงพยาบาลพญาไทศรีราชาแห่งแรก ได้เปิดให้บริการมาเป็นเวลาเกือบ 3 ทศวรรษ มีการพัฒนาทักษะและความรู้ทางการแพทย์ที่ทันสมัยอย่างไม่หยุดยั้ง ทำให้โรงพยาบาลกลายเป็นที่พึ่งพาของประชาชนในพื้นที่ และผู้ประกันตนได้รับการบริการอย่างคุ้มค่า กล่าวว่า โรงพยาบาลพญาไทศรีราชา มุ่งมั่นที่จะเป็นที่พึ่งพาของประชาชนในเขต EEC โดยมุ่งเน้นการให้บริการที่มีคุณภาพและราคาที่เหมาะสม มีระบบที่ปลอดภัย น่าเชื่อถือ และเครือข่ายที่เข้าถึงได้ง่ายทุกพื้นที่

โดยเฉพาะในภาคตะวันออกที่เป็นเขตอุตสาหกรรม เพื่อให้บริการดูแลประชากรอย่างทั่วถึง จึงมีการขยายบริการให้สามารถรองรับผู้ประกันตนประมาณ 500,000 คน โรงพยาบาลพญาไทศรีราชา 2 ได้เปิดขึ้นเพื่อรองรับผู้ประกันตนและผู้ป่วยทั่วไป สำหรับ โรงพยาบาลพญาไทศรีราชาแห่งแรกจะพัฒนาเป็นศูนย์ความเป็นเลิศด้านการแพทย์  โดยปรับปรุงพื้นที่ใหม่เพื่อรองรับผู้ใช้บริการระดับพรีเมียมและผู้ประกันตนที่ต้องการการรักษาโรคเฉพาะทางหรือโรคซับซ้อน โดยได้เริ่มให้บริการรักษาโรคมะเร็งด้วยเคมีบำบัด การผ่าตัดหัวใจ และขยายศูนย์การผ่าตัดผ่านกล้องทุกระบบ นอกจากนี้ยังมีการขยายศูนย์ส่งเสริมสุขภาพและเวชศาสตร์ชะลอวัย และอีกหลากหลายสาขา ที่มีแพทย์เฉพาะทางสาขาต่างๆ จำนวนกว่า 280 ท่าน

​ในปีที่ผ่านมา ศูนย์ผู้มีบุตรยากของโรงพยาบาลได้รับการรับรองคุณภาพระดับโลก AACI จากประเทศสหรัฐอเมริกา และได้รับประกาศนียบัตรรับรอง Trauma 3 ในการบริหารจัดการฉุกเฉิน และกำลังดำเนินการขอรับรอง TEMSA ซึ่งเป็นมาตรฐานระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินที่ยึดหลักความปลอดภัยใน 3 กลุ่มเป้าหมาย คือ 1. Patient Safety 2. Personnel Safety และ 3. Public Safety เพื่อพร้อมให้บริการการแพทย์ฉุกเฉินได้อย่างมีประสิทธิภาพ โรงพยาบาลพญาไทศรีราชาและเครือข่าย สามารถตอบโจทย์และเป็นที่พึ่งพาของประชาชนในจังหวัดชลบุรีและใกล้เคียงทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่ประสบสภาวะอุบัติเหตุฉุกเฉินต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว ปลอดภัย และมีความเชื่อถือ 

ขณะที่ พญ. ปรมาภรณ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ (จำกัด) มหาชน กล่าวถึงการขยายธุรกิจการแพทย์ในพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษตะวันออก (EEC) ว่า “BDMS มีความมุ่งมั่นที่จะผลักดันให้อุตสาหกรรม Healthcare ของไทยสามารถดำเนินแนวทางความยั่งยืนตามมาตรฐานโลก โดยเฉพาะการลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพของประชาชนทั่วประเทศ โดยในปัจจุบัน BDMS มีโรงพยาบาลในเครือมากกว่า 50 แห่งทั่วประเทศ และล่าสุดได้ขยายเพิ่มขึ้นอีก 1 แห่ง คือ โรงพยาบาลพญาไท ศรีราชา 2 ของกลุ่มโรงพยาบาลพญาไทและเปาโล บนเขตพื้นที่ศรีราชา เพื่อตอบสนองประชาชนและรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมที่เพิ่มมากขึ้นในพื้นที่นี้ โดยเฉพาะในแง่ของการรับมือกับความต้องการด้านการแพทย์ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง”

การขยายธุรกิจในพื้นที่ EEC ไม่เพียงแต่เป็นการตอบสนองต่อความต้องการในตลาดและความเจริญเติบโตของเศรษฐกิจ แต่ยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ให้กับองค์กรในการเป็นผู้นำด้านบริการทางการแพทย์ในพื้นที่ EEC ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ในการขยายธุรกิจของกลุ่มโรงพยาบาล นอกจากนี้ ยังมุ่งหวังที่จะช่วยพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub) โดยช่วยดึงดูดนักลงทุนจากต่างประเทศและรองรับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในประเทศไทยตามนโยบายรัฐบาล ซึ่งเป็นการรับมือกับความเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาที่มีอยู่ในระดับโลกอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

พญ. ปรมาภรณ์ กล่าวต่อว่า “BDMS ได้รับการจัดว่าเป็นองค์กรที่มีสถานะแข็งแกร่งที่สุดในพื้นที่ EEC ด้วยวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนที่จะเป็นผู้นำในด้านบริการทางการแพทย์และการดูแลสุขภาพที่เป็นเลิศบนมาตรฐานสากล รวมถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง ทำให้เป็นที่ยอมรับและเชื่อถือในวงกว้างของการให้บริการสุขภาพในประเทศไทย โดยเฉพาะในพื้นที่ EEC ที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็วในช่วงเวลานี้ อีกทั้งยังสร้างโอกาสให้กับชุมชนในพื้นที่ได้รับประโยชน์จากการพัฒนาด้านการแพทย์และการลงทุนในสถานที่และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ซึ่งเป็นการกระตุ้นให้เศรษฐกิจพื้นที่เติบโตในระยะยาวด้วย”
















paitoon Banner2 ท่าเรือLCB ไทยออยล์ ปตท. แปซิฟิค