นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง จ.ชลบุรี นำตัวแทนผู้ประกอบการโรงงานจำนวน 218 แห่ง ร่วมสะท้อนปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ในโครงการ “ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี พบผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง” พบมีทั้งปัญหาไฟฟ้า, การจราจร และความไม่เป็นระเบียบของเมือง ด้าน ผวจ.ชลบุรี รับปากแก้ทุกปัญหาก่อน อีอีซี เกิดอย่างเป็นรูปธรรม
ค่ำวานนี้ (25 พ.ค.61) บริษัท ปิ่นทองอินดัสเตรียลปาร์ค จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง โครงการ 1 -5 ซึ่งตั้งอยู่ใน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ได้จัดกิจกรรม “ผู้ว่าราชการ จ.ชลบุรี พบผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง” เพื่อเปิดโอกาสให้ตัวแทนผู้ประกอบการโรงงานในนิคมฯ ปิ่นทอง โครงการ 1 -5 จำนวน 218 โรงงาน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการลงทุนของกลุ่มทุนในประเทศญี่ปุ่น ได้สะท้อนถึงปัญหาและสิ่งที่ต้องการให้ จ.ชลบุรี สนับสนุนเพื่อยกระดับการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่ ก่อนการเกิดขึ้นของโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี ซึ่งจัดขึ้นที่เรือนรับรอง นิคมฯ ปิ่นทอง และมี นายพีระ ปัทมวรกุลชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปิ่นทองอินดัสเตรียลปาร์ค จำกัด (มหาชน) นำพนักงานให้การต้อนรับ
นายภัครธรณ์ เทียนชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี กล่าวว่า การเดินทางเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ ก็เพื่อต้องการรับฟังปัญหาของผู้ประกอบการในภาคอุตสาหรรม ซึ่งกว่า 70% เป็นชาวญี่ปุ่นว่ามีความสุขกับการใช้ชีวิตอยู่ในเมืองศรีราชา หรือมีผลประกอบการเป็นเช่นไร และต้องการให้ภาครัฐ สนับสนุนในด้านใดบ้าง เพราะในอนาคตการเกิดขึ้นของโครงการ อีอีซี ที่จะมีทั้งรถไฟความเร็วสูง, รถไฟรางคู่ และสนามบินอู่ตะเภา ที่กำลังมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในพื้นที่อย่างมาก ดังนั้นการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคจะต้องทันกับการขยายตัวของเมือง และภาคอุตสาหกรรม
“เท่าที่ได้รับฟังปัญหาจากผู้ประกอบการ ก็พบว่าปัญหาหลักคือ เรื่องไฟฟ้า ที่เมื่อมีปัญหาไฟฟ้าไม่เพียงพอ ไฟฟ้าตก ก็ทำให้เกิดความเสียหายต่อกระบวนการผลิต ซึ่งผมเองก็รับปากว่าจะไปคุยกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ว่าจะทำอย่างไรให้ปัญหาเหล่านี้หมดไป ส่วนปัญหาเรื่องการจราจร เราเองก็มีข้อมูลอยู่แล้วว่าติดขัดในช่วงไหนและในจุดใดบ้าง ซึ่งในการแก้ไขเบื้องต้น คือการจัดเจ้าหน้าที่ลงไปอำนวยความสะดวกก่อน แต่ในระยะยาว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะทางอำเภอ จะต้องร่วมกับสถาบันการศึกษาในพื้นที่ในการร่วมกันวิเคราะห์และออกแบบแนวทางแก้ไขให้”
นายภัครธรณ์ ยังเผยถึงปัญหาถนนมอเตอร์เวย์ ที่ยังคงทำให้ประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน และภาคขนส่งได้รับความเดือดร้อนว่า ล่าสุดจากการพูดคุยกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้รับปากว่าจะเร่งแก้ไข เนื่องจากการทำ ทีโออาร์ เกี่ยวกับการก่อสร้างทางด่วน ส่วนใหญ่เป็นการพิจารณาเพียงจุดเริ่มต้นกับทางลง แต่ไม่ได้มีการพิจาณาถึงทางเข้า-ออกระหว่างทาง แต่เนื่องจาก จ.ชลบุรี มีนิคมอุตสาหกรรมจำนวนมาก จึงมีความจำเป็นเรื่องการเดินทางและการขนส่ง ซึ่งคาดว่าในอนาคตปัญหาต่างๆ จะคลี่คลายลง
ขณะที่ นายพีระ ปัทมวรกุลชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปิ่นทองอินดัสเตรียลปาร์ค จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัญหาเรื่องไฟฟ้าไม่เพียงพอ และปัญหาการจ่ายไฟที่ไม่สม่ำเสมอถือเป็นปัญหาเรื้อรังที่เกิดขึ้นมานาน และทำให้เกิดความเสียหายต่อระบบการผลิตเป็นอย่างมาก ซึ่งในระยะสั้นบริษัทฯ ได้แก้ไขปัญหาด้วยการร้องเรียนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และใช้เครื่องผลิตกระแสไฟเข้าช่วย แต่ในระยะยาวจำเป็นต้องสร้างโรงไฟฟ้าของตัวเอง เพื่อรองรับการเกิดขึ้นของโครงการ อีอีซี ที่จะมีการเข้ามาลงทุนอย่างมหาศาล
“ส่วนปัญหาเรื่องการจราจรที่ได้รับเสียงสะท้อนจากผู้ประกอบการ และคนที่ทำงานอยู่ในพื้นที่ ก็เป็นเรื่องที่ท้องถิ่นจะต้องเข้ามาดูแล เพราะปัญหาในวันนี้ไม่ใช่เรื่องทางด่าวน แต่เป็นเรื่องถนนที่ใช้ในท้องถิ่นไม่มีทางเข้า-ออก ที่เพียงพอ และการที่ท่านผู้ว่าฯ ได้ลงมาพูดคุยในพื้นที่ก็นับว่าเป็นโอกาสอันดีที่ประชาชนร่วมถึงผู้ประกอบการจะได้สะท้อนถึงความเดือดร้อนที่แท้จริง ซึ่งสิ่งที่อยากฝากถึงรัฐบาลก็คือระบบสาธารณูปโภค หน่วยงานของรัฐจะต้องคิดวางแผนก่อนที่จะพัฒนาเมือง เช่นเดียวกับการพัฒนาคนและที่อยู่อาศัย ต้องสอดคล้องกัน เห็นได้จากเสียงสะท้อนของชาวญี่ปุ่นในเมืองศรีราชา เขาต้องการสวนสาธารณะที่มีเครื่องเล่นที่ปลอดภัยสำหรับลูกเขา นั้นไม่ได้หมายถึงเด็กญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ยังหมายถึงคุณภาพชีวิตของเด็กในพื้นที่ด้วย” นายพีระ กล่าว
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เสียงสะท้อนจากชาวญี่ปุ่นที่เข้ามาทำงานใน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เรื่องใหญ่คือปัญหาการจ่ายกระแสไฟที่มีผลต่อกระบวนการทำงานในระบบการผลิต, คุณภาพชีวิตที่ยังดีเพราะ รวมทั้งปัญหาความไม่เป็นระเบียบของเมือง และปัญหาการจราจร ที่ต้องการให้หน่วยงานท้องถิ่นเร่งแก้ไขโดยเร็ว
ด้าน นายเริงฤทธิ์ กุศลกรรมบถ ผู้อำนวยการสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง เผยว่า ที่ผ่านมาการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้สนับสนุนให้ทั้งนิคมฯของรัฐและเอกชนในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคตะวันออก ที่อยู่ในโครงการ อีอีซี เร่งพัฒนาศักยภาพเพื่อรองรับ 10 กลุ่มอุตสาหกรรมใหม่ที่กำลังจะเข้ามา ซึ่งอุตสาหกรรมกลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีทันสมัย ไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม ขณะที่นิคมฯ ปิ่นทอง ได้รับการคัดเลือกให้เป็นนิคมฯ ที่อยู่ในโครงการ อีอีซี วันนี้จึงจะต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานที่เพียงพอ และให้เป็นไปตามแนวทางที่รัฐบาลวางไว้